“We’re the People with the Smile on the Box” คือประโยคแรกใน Clip VDO เปิดตัวของงานแถลงสินค้าตัวใหม่จาก Amazon.com ในวันที่ 6 กันยายน 2012 ณ เมือง Santa Monica รัฐ California หลังจาก TV Ads ตัวนี้จบ, Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง และ CEO ของ Amazon.com ก็ออกมาพร้อมคำพูดที่ทักทายผู้ชมอย่างเป็นกันเองว่า “Thank you for joining us in Santa Monica this morning, Beautiful day.”
ขอบคุณ engadget สำหรับภาพ และข้อมูล
สั่ง kindle Paperwhite ไม่ต้องมัดจำ Click!
สำหรับใครที่สนใจดูงานเปิดตัวแบบเต็มๆ สามารถดูได้ที่ http://bit.ly/OfCfkK ครับ (สามารถกด CC ใต้ VDO เพื่อเปิด Subtitle ได้นะครับ)
หลังจากจบการทักทาย Amazon หยิบเรื่อง Android Tablet ในโลกนี้มาพูด เขาบอกว่า มี Android Tablets ในตลาด เป็นร้อยๆ ยี่ห้อ แต่พวกมันเหล่านั้นเป็นแค่ Gadgets… ผู้บริโภคเลือก Services ไม่ใช่ Gadgets ครับ
ในงานนี้ ลำดับการเปิดตัวของ Amazon.com จะไล่ตั้งแต่ kindle ที่ทุกคนรอคอย กับ Function มีแสงในตัวเอง ที่ถูกตั้งชื่อว่า “kindle Paperwhite” โดยมาแทนไลน์ของ kindle Touch ครับ (kindle Touch เลิกขายแล้ว) และตามด้วย kindle 4 ตัวใหม่ ที่ Jeff เรียกว่า “$69 kindle” หลังจากนั้นก็เป็นตระกูลของ kindle Fire ทั้งตระกูล ที่ยกทัพกันมาทั้ง 4 models ตั้งแต่ kindle Fire ตัวเก่าที่ลดราคาแต่เพิ่มเสปค! (ตะลึง!), kindle Fire HD, kindle Fire HD 8.9″ และ kindle Fire 4G ครับ เดี๋ยวมาไล่กันทีละตัวเลยดีกว่า
kindle Paperwhite
kindle Paperwhite เป็นรุ่นที่มาแทน kindle Touch พร้อม Features ที่ทุกคนรอคอย (หรือเปล่า?) นั่นคือ Paperwhite! หรือมีแสงในตัวเองนั่นเองครับ!
เทคโนโลยี Paperwhite ของ kindle เป็นเทคโนโลยีที่ Amazon พัฒนาเองถึง 4 ปี และได้สิทธิบัตรเรียบร้อยแล้ว โดยชูจุดขายว่า “ให้แสงสม่ำเสมอ”, “ตัวให้แสงมีความบางมาก” (ทำให้ตัวอักษรยังคมชัดเช่นเดิม), “ใช้พลังงานน้อย” (Amazon อ้างว่า อยู่ได้ 8 อาทิตย์ โดยที่เปิดไฟ!) ที่สำคัญคือ ไม่ทำให้ตาล้าเหมือน LCD แน่นอน! เพราะ “ยิงแสงในทิศทางตรงกันข้าม” ดังรูปครับ
นอกจากนี้ ตัวจอภาพ eInk ก็ยังมีเพิ่มความละเอียด เดิมจาก 160 ppi เป็น 221 ppi เพิ่มขึ้น 61% ซึ่งจะทำให้ตัวอักษร มีความคมมากยิ่งขึ้น และยังปรับความต่างสี (Contrast) เพิ่มอีก 25% ซึ่งทำให้ สีดำ เข้มขึ้น และสีขาว ก็สว่างขึ้น ครับ
นอกจากนี้ ด้าน firmware ก็ได้รับการพัฒนาเพิ่มขึ้น โดยที่มีฟีเจอร์เด็ดๆ อย่าง Time to read หมายถึง เวลาที่เหลือในการอ่านจนจบบทนี้, จนจบเล่มนี้ โดยตัว kindle จะวิเคราะห์ความเร็วในการอ่านหนังสือของเราและแสดงผลออกมาในรูปแบบ Time Remaining ครับ
Jeff ยกเคส ในกรณีที่เราอ่านหนังสือในห้องนอน แต่ก็อยากอ่านให้จบบทไปก่อน พอเราคลิกที่ส่วนล่างของเครื่อง จาก Location ที่แสดงข้อมุลตำแหน่งในหนังสือ จะเปลี่ยนเป็น เวลาที่เหลืออยู่ครับ ก็ช่วยให้เรารู้ว่า อีกไม่นานก็จะได้พักผ่อนแล้ว อิอิ (จากรูปประกอบคือ อีก 16 นาที จะจบบทนี้ครับ)
kindle Paperwhite ราคา $119 บาท, kindle Paperwhite 3G ราคา $179 บาท (Special Offers) โดย Jeff ปิดท้ายไว้ว่า คุณจะต้องชอบ Paperwhite แน่ๆ ทั้งในที่ไม่มีแสง หรือในแสงแดดจ้าก็ตาม
> หมายเหตุ, kindle Paperwhite ตัดลำโพงทิ้งไป (ไม่มี audio และไม่มีที่เสียบหูฟังด้วย) กล่าวคือ จะอ่าน Text-to-speech ไม่ได้เลย และลดความจุ เหลือ 2GB เท่านั้น ทั้งนี้ น้ำหนักของตัวเครื่องเท่าเดิม อยุ่ที่ 210g ครับ
$69 kindle
ตัวนี้ คือ kindle 4 ตัวเก่าครับ Jeff เริ่มต้นว่า ตามปรัชญาของเขา ที่ต้องการให้คนทุกคน สามารถเข้าถึงการอ่านได้อย่างไม่มีเงื่อนไข การมาของ kindle 4 จึงเปรียบเสมือนเครื่องมือที่ช่วยเปิดโอกาสในการอ่านให้กับคนทุกคน (รวมถึงผมด้วย 555) เพื่อย้ำจุดยืนของความตั้งใจนี้ เขาจึงปรับราคา kindle Entry Level ตัวนี้ลงอีก $10 ครับ โดยที่เพิ่ม font ในการอ่าน, ตัวอักษรคมชัดขึ้น และเปลี่ยนหน้าเร็วขึ้น 15% (เป็นผลจาก firmware 4.1.0) และเปลี่ยนสีเครื่องให้เป็น Matte Black
Jeff เรียก kindle Entry Level ตัวนี้ว่า “$69 kindle”
kindle Direct Publishing & kindle Serials
หนึ่งในโครงการที่ได้รับความนิยม และเป็นที่ชื่นชอบของทั้งฝั่งผู้ผลิต (นักเขียน) และผู้บริโภค (คนอ่านหนังสือ) คือ kindle Direct Publishing (KDP) ที่เป็นโครงการที่เปิดให้นักเขียนอิสระ ได้มีโอกาสปล่อยงานเขียนของตัวเองไปวางขายในเว็บไซต์ระดับโลกอย่าง Amazon.com
มีนักเขียนชื่อดังหลายคน ที่มีหนังสือขายดีติดอันดับ Top 5, Top 10, Top 50 จากโครงการ KDP อย่าง Stephen King หรือ Dr.Seuss ซึ่งก่อนหน้านี้ เขาเคยโดนปฏิเสธจากสำนักพิมพ์เป็นสิบๆ แห่ง จนมาเข้าโครงการ KDP และก็พบว่า การโดนปฏิเสธ ไม่ได้แปลว่าหนังสือเขาไม่มีคุณภาพเสมอไป แต่กลับขายดีอย่างถล่มถลายด้วยซ้ำ!
ส่วน kindle Serials เป็นโครงการสำหรับ นักอ่านที่ติดตามงานเขียนของหนังสือที่มีหลายตอน โดยที่ เขาสามารถเลือกที่จะชำระเงินครั้งเดียว และติดตามอ่านเล่มนั้นได้จนกว่า serials นั้นจะจบครับ แถม Amazon ปล่อยหนังสือ Oliver Twist และ Pickwick Club ของ Charles Dickens ให้โหลดฟรีอีกด้วย!
kindle Fire Family
kindle Fire เป็นสินค้าขายดีอันดับ 1 ในเว็บ Amazon มาตลอด ด้วยการใช้งานที่หลากหลายทั้งดูหนัง ฟังเพลง จนถึงวันนี้ Amazon พร้อมที่จะเพิ่มระดับให้กับ kindle Fire อีกครั้ง ทั้งในส่วน Hardware และ Software เพื่อเพิ่มความพึงพอใจของผู้บริโภคครับ
kindle Fire Family จะมีทั้งหมด 4 รุ่นคือ
- kindle Fire 7″ $159 เป็นรุ่นเดิม แต่อัพเสปก เพิ่ม Ram เป็น 1GB, แบตเตอรี่อยู่นานขึ้นครับ
- kindle Fire 7″ HD $199 ในบทความนี้ จะเน้นพูดถึงรุ่นนี้ครับ
- kindle Fire 8.9″ $299
- kindle Fire 8.9″ 4G $499
ด้าน Hardware
Amazon เริ่มด้วยเรื่องของความสมดุล เขาบอกว่า การทำ Tablet HD ไม่ใช่แค่เพียงการทำหน้าจอละเอียดระดับ HD เท่านั้น มิฉะนั้น ก็เปรียบเสมือนพวกเล่นกล้ามที่โตแต่แขน คงไม่มีใครอยากได้หุ่นแบบนั้นแน่นอน
พูดถึงเรื่องของจอกันก่อน แน่นอนความละเอียดของจอ จะเพิ่มเป็นระดับ High Definition อยู่ที่ 1280×800 แต่ไม่ใช่แค่ความละเอียด Amazon ยังลด Air Gap ระหว่างจอ โดยใช้วิธี Laminated Touchscreen ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดแสงสะท้อน และการเพิ่ม Anti-Polarization ซึ่งทั้งหมดนี้ จะทำให้ภาพคมชัดมากขึ้น สว่างขึ้น และลดแสงสะท้อนถึง 25%
ขุมพลังก็เปลี่ยนจาก Tegra 3 เป็น Texas Instrument รุ่น OMAP 4470 ที่เพิ่มการประมวลผลอีก 50%, Memory Bandwidth 40%
ระบบเสียงก็ใช้ของ Dolby Digital Plus ซึ่งเป็น Tablet เครื่องแรกและเครื่องเดียวในตลาด ที่ใช้ระบบนี้ ซึ่งเป็นลำโพงแบบ Stereo ที่ Jeff บอกว่า คุณจะต้องชอบมันมากๆ แน่นอน
อีกเรื่องนึงที่ลืมพูดไม่ได้เด็ดขาดคือ ระบบ MIMO เป็นอีกความสามารถนึงที่มีใน kindle Fire HD ตัวนี้เท่านั้น ที่ช่วยเรื่องการรับสัญญาณ Wireless ได้อย่างเสถียรภาพ และเร็วยิ่งขึ้น โดย Jeff เล่าถึง object ต่างๆ ที่มากีดขวางการเดินทางของสัญญาณ Wireless เช่น กำแพง ตู้ โต๊ะ ซึ่งการกีดขวางนี้ จะทำให้เกิดการสะท้อน ซึ่งทำให้ข้อมูลรับส่งคลาดเคลื่อนไป แต่ด้วยขุมพลังการประมวลผลที่รวดเร็ว และการตั้งเสาสัญญาณภาครับแบบ 2 เสา ทำให้เปลี่ยนการสะท้อนที่คาดเคลื่อนนั้น มาประมวลผลใหม่ และใช้เสริมกับข้อมูลที่รับทางตรงแบบเดิม ส่งผลให้ความเร็วในการรับเพิ่มขึ้น ชนิดที่ว่า แซงหน้าคู่แข่งทั้งหมดในตลาดเลยครับ!
ด้าน Software
Jeff พูดถึงเด็กสมัยนี้ ที่ชอบ Tablet มาก… จนอาจจะเสียเวลาทำอย่างอื่นไป kindle Fire จึงออก Native App สำหรับการ Limit การใช้งาน โดยสามารถแบ่งตาม Activities Based ได้ด้วย เช่น กำหนดเวลาดูหนัง 30นาที แต่อ่านหนังสือได้ไม่จำกัดเป็นต้น โดยเรียก App ตัวนี้ว่า “kindle Freetime”
Immersion Reading และ WhisperSync for Audiobook เป็นอีกความสามารถหนึ่งที่นักอ่านต้องชอบแน่นอน เพราะหนังสือ Audiobook ที่คุณซื้อไป จะมีการเน้นคำที่อ่านอยู่ให้ เพื่อเพิ่มประสบการณ์ในการอ่าน และหากคุณอ่านหนังสือถึงหน้าไหนแล้ว WhisperSync for Audiobook ก็จะ Sync ข้อมูลเก็บไว้ จนเมื่อคุณเปลี่ยนมาฟังแบบ Audiobook ที่ kindle เครื่องอื่น ตัวเครื่องก็จะ Sync และอ่านต่อจากบรรทัดที่คุณอ่านค้างไว้ทันทีครับ
นอกจากนี้ ในส่วนของการดูหนัง Amazon ยังมีฟีเจอร์ X-Ray for Movies สำหรับบอกเล่าตัวละครที่แสดงอยู่ในฉากนั้นๆ อีกด้วย โดยอาศัยข้อมูลจาก IMDB คล้ายๆ กับ X-Ray Books ของ kindle Touch ที่อาศัยข้อมูของ Wikipedia
หลังจากนั้น Jeff ก็อธิบายว่า ที่ราคาเครื่องเราต่ำได้ขนาดนี้ เพราะเราตั้งใจหาเงินเมื่อผู้บริโภค “ใช้” สินค้า ไม่ใช่เมื่อผู้บริโภค “ซื้อ” สินค้าเรา ตาม ปรัชญาของบริษัทที่ว่าเอาไว้ว่า
“Above all else, align with customers. Win when they win. Win only when they win.”
~ Amazon Doctrine
“We want to make money when people use our device, not when they buy our devices.”
~Jeff Bezos
และปิดท้ายด้วยการเชิญชวน ผู้สื่อข่าวทั้งหมด ไปทดลองเครื่องจริงกันครับผม
Pingback: สรุปข่าวการเปิดตัวกองทัพ kindle เมื่อวันแถลงของ Amazon วันที่ 6 กันยายน 2555 » ปิ๊งไอเดีย | ปิ๊งไอเดีย
Pingback: 1081009 | สรุปข่าวการเปิดตัวกองทัพ kindle เมื่อวันแถลงของ Amazon วันที่ 6 กันยายน 2555 | ร้อยแปดพันเก้า.com 1081009