จริงๆ แล้ว อุปกรณ์ทั้งสองตัว ถูกวางอยู่ในตลาด คนละตลาดกัน และไม่ควรเอามาเทียบกันได้ ด้านของ iPad จะถูกจัดไว้เป็น Tablet ที่สามารถใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ เช่น ดูหนัง ฟังเพลง เปิดเอกสาร เข้าเว็บ เช็คเมลล์ ถ่ายรูป วิดีโอ รวมถึงการสร้างสรรค์ผลงานอย่างง่ายๆ เช่น ตัดต่อหนัง บันทึกเอกสาร เป็นต้น ส่วน kindle จัดว่าเป็น Dedicated Device สำหรับอ่านหนังสือ และอ่านการ์ตูน โดยเฉพาะ เพราะด้วยข้อดีของมันเช่น ประหยัดพลังงาน หน้าจอไม่มีแสงสะท้อน และราคาที่ถูกกว่าหลายเท่าตัว
ในบทความนี้ ผมจะเปรียบเทียบใน SCOPE ของ การใช้งานด้านการอ่านหนังสือเท่านั้น โดยเอา kindle มาวางคู่กับ iPad และเปรียบเทียบหัวข้อต่างๆ ที่มีผลต่อการอ่านหนังสือ มาดูกันว่า มีจุดใดที่ต่างกันบ้าง เพื่อเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจครับ
1. ราคา kindle WIN!
จุดนี้ kindle ชนะไปแบบลอยลำทีเดียว ด้วย ราคาเริ่มต้นเพียง 3,800 บาท ก็สามารถเป็นเจ้าของ eBook Reader ได้แล้ว ในขณะที่ iPad ราคาเริ่มต้นที่ 15,900 บาทแล้ว สำหรับรุ่น Wifi เรียกได้ว่า iPad เครื่องนึง ซื้อ kindle ได้ถึง 4 เครื่องเลยทีเดียว!!
2. น้ำหนัก kindle WIN!
น้ำหนักของ iPad หนักประมาณ 600 กรัม หรือเท่ากับ น้ำหนักของขวดน้ำดื่มทั่วไป 600ml แต่ kindle เบากว่านั้น 3 เท่า! ด้วยน้ำหนัก 200 กรัม หรือประมาณ หนังสือการ์ตูน One Piece 1 เล่ม… ถ้าต้องอ่านหนังสือบนรถไฟฟ้าบ่อยๆ ละก็ จับ kindle ถือมือเดียว สะดวกกว่า iPad เห็นๆ!
3. ขนาด kindle WIN!
เรื่องความกว้างxยาว kindle มีขนาดใกล้เคียงกับ หนังสือ Pocket Book 1 เล่ม ที่จับถนัดมือสำหรับการอ่านหนังสือ ส่วนขนาดของ iPad จะใหญ่กว่า โดยมีขนาดประมาณนิตยสาร 1 เล่ม ส่วนรื่องความบางจะใกล้เคียงกันครับ
4. หน้าจอแสดงผล DRAW!
iPad จะมีหน้าจอแสดงผลที่ใหญ่กว่า (9.7″) และแสดงผลด้วย LCD Color แบบ Backlit ซึ่งทำให้ใช้พลังงานเยอะ (ส่งผลให้จำนวนชั่วโมงใช้งานสั้น) แต่ kindle มีขนาดหน้าจอ 6″ และแสดงผลด้วย เทคโนโลยี eInk Display ที่ประหยัดพลังงาน และมีความคมชัดสูง เทียบเท่ากับหยดหมึกบนกระดาษจริงๆ แสดงผลเป็นภาพขาวดำ 16 โทนสีเทา
5. การเชื่อมต่อ DRAW!
ทั้งสองอุปกรณ์ มีจำหน่ายทั้งรุ่น WiFi และรุ่น 3G โดยสามารถเลือกรุ่นที่ต้องการได้ครับ แต่ kindle จะมาพร้อม WhisperSync ของ Amazon ที่ทำให้คุณสามารถ เล่น 3G ได้ฟรี ทุกที่! ทั่วโลก! (เฉพาะรุ่น)
6. พื้นที่ความจุ iPad WIN!
ความจุของ iPad มีให้ใช้งานตั้งแต่ 16GB จนมากถึง 64GB ส่วนของ kindle จะเริ่มที่ 2GB จนถึง 4GB แต่จะมี Amazon Cloud Storage ไว้สำหรับเก็บหนังสือได้ไม่อั้น!
7. จำนวนชั่วโมงใช้งาน kindle WIN!
หากคุณใช้ iPad อยู่แล้ว คงเป็นธรรมดา ที่คุณต้องชาร์จมันทุกวัน แต่ถ้าคุณได้เป็นเจ้าของ kindle ละก็ ไม่จำเป็นต้องพกสายชาร์จไปเลยหละ เพราะมันอยู่ได้ยาวนานถึง 1 เดือนเลยทีเดียว!
เอาหละครับ สำหรับเรื่องการอ่านหนังสือโดยเฉพาะแล้ว แม้ว่า kindle จะมีข้อด้อยบางอย่าง เช่น การแสดงผลที่เป็นขาวดำ แต่ถ้านับเรื่องการอ่านหนังสือ ebook หรือการ์ตูน แล้ว ผมว่ามันตอบโจทย์ได้ครบทุกความต้องการครับ หวังว่าบทความนี้ จะช่วยเหลือท่านในการเลือกซื้อหา และตัดสินใจได้ครับ